สำนักข่าว CNN รายงานอ้างอิงของมูลจาก Bloomberg Billionaire Index ซึ่งเปิดเผยว่า เจฟฟ์ เบซอส มหาเศรษฐีอันดับ 1 ของโลกทุบสถิติความมั่งคั่งของตัวเองด้วยการเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินจาก 150,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือกว่า 4.66 ล้านล้านบาทเมื่อช่วงต้นเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา ขึ้นมาเป็น 172,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 5.34 ล้านล้านบาท โดยทรัพย์สินส่วนใหญ่ของเบซอสขึ้นอยู่กับมูลค่าทางการตลาดของแอมะซอน ซึ่งปัจจุบันเบซอสถือหุ้นของบริษัทอยู่ราว 57 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 12 เปอร์เซ็นต์ของมูลค่าหุ้นทั้งบริษัท

เมื่อปีที่ผ่านมา เบซอสได้หย่าร้างจาก แม็กเคนซี ภรรยาที่ใช้ชีวิตคู่ร่วมกันมานานกว่า 25 ปี โดยเธอได้รับส่วนแบ่งทรัพย์สินไปเป็นมูลค่าหุ้นของบริษัทแอมะซอนรวม 4 เปอร์เซ็นต์ หรือคิดเป็น 25 เปอร์เซ็นต์จากมูลค่าหุ้นที่ทั้งคู่เป็นเจ้าของ โดยล่าสุดมูลค่าหุ้นของบริษัทแอมะซอนก็เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลกว่า 56 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ปัจจุบันนี้ความมั่งคั่งของแม็กเคนซีก็เพิ่มขึ้นจากเดิมถึง 54 เปอร์เซ็นต์ หรือกว่า 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ส่งผลให้เธอมีมูลค่าทรัพย์สินรวม 57,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และกลายเป็นมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดเป็นอันดับที่ 12 ของโลก

ทั้งนี้ บริษัทแอมะซอนได้รับประโยชน์จากช่วงการระบาดโควิด-19 อย่างมาก เพราะความต้องการในการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์เพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ สวนทางกับสถานการณ์ร้านค้าปลีกในสหรัฐฯ ที่ตอนนี้ลูกค้าต้องยอมต่อคิวจำนวนมากเป็นเวลานานเพื่อสร้างระยะห่างทางสังคมขณะจับจ่ายซื้อสินค้า ขณะที่หลายแห่งก็ขาดทุนจนต้องยอมปิดกิจการไป

ที่ผ่านมาบริษัทแอมะซอนมักจะถูกวิพากษ์วิจารณ์อยู่เสมอในกรณีของความไม่เป็นธรรมในการดูแลพนักงานของตน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นของความปลอดภัยระหว่างการทำงานและการจ่ายค่าจ้างให้พนักงาน ล่าสุดทางบริษัทได้เปิดเผยว่ามีการใช้งบประมาณกว่า 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือกว่า 15,530 ล้านบาทจ่ายเป็นโบนัสให้กับพนักงานที่ทำงานหนักตลอดเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา